
เหมาะสำหรับ :
ระยะเวลาหลักสูตร : อบรมผ่านระบบ E-Learning จำนวน 3 ชั่วโมง อบรม On-Site จำนวน 2 วัน
โดยมีเนื้อหาสำคัญ :
- การเข้าใจแนวโน้มการท่องเที่ยวสมัยใหม่
- การใช้ Soft Power เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
- การสร้างอัตลักษณ์และแบรนด์ท้องถิ่น
- การเล่าเรื่องและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
- การพัฒนาทักษะด้านการตลาดและการให้บริการ

(บทเรียนออนไลน์ จำนวน 9 ตอน)
และทำแบบทดสอบท้ายวิชา 10 ข้อ
ทางเศรษฐกิจ ความยั่งยืน และ
โอกาสใหม่”
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังเผชิญกับ
พลวัตทาง
เศรษฐกิจและพฤติกรรม
ผู้บริโภค
ที่เปลี่ยนแปลง
ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบการเดินทาง
ทั้ง Inbound, Outbound และ Domestic
Tourism
แนวโน้มใหม่
ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ
ห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Tourism
Supply Chain),
การบริหารจัดการ
แหล่งท่องเที่ยว
(Destination Management)
และการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว (Tourism Route Development)
ผ่าน
ความร่วมมือระหว่าง
ภาครัฐ ภาคเอกชน และ
ชุมชนท้องถิ่น
ความสำคัญของมาตรฐาน
คุณภาพบริการ,
การพัฒนาประสบการณ์
นักท่องเที่ยว (Customer
Experience), Smart Tourism,
และ
การท่องเที่ยว
เชิงนิเวศ
(Eco & Regenerative
Tourism) นอกจากนี้
กฎหมายและข้อกำหนด
ที่เกี่ยวข้อง เช่น Legal & Compliance,
PDPA, ESG
และมาตรฐาน
ความยั่งยืน (Sustainability
Standards)
ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญ
ที่ช่วยยกระดับธุรกิจท่องเที่ยวให้เติบโต
อย่างมั่นคง
และสร้างมูลค่า
ทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ท่องเที่ยว
สู่ความยั่งยืน
(บทเรียนออนไลน์ จำนวน 8 ตอน)
และทำแบบทดสอบท้ายวิชา 10 ข้อ
มีความรับผิดชอบ”
Sustainable & Responsible Tourism
ไม่ใช่เพียงแนวคิด
แต่เป็นทิศทางหลักของ
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก
ที่มุ่งลดผลกระทบต่อ
สิ่งแวดล้อมและสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ
สังคม
และวัฒนธรรม
นำไปสู่ Green Tourism,
Low Carbon
Tourism และ
Eco-Tourism
ที่ช่วยให้แหล่งท่องเที่ยวเติบโตได้โดยไม่ทำลายทรัพยากรดั้งเดิม
การขับเคลื่อนสู่ Zero Waste & Net Zero
Emissions ผ่านแนวทาง BCG Tourism
(Bio-Circular-Green Economy) และมาตรฐานความยั่งยืน เช่น ESG, Waste Management
และ Regenerative Tourism เป็นกุญแจสำคัญที่ไม่เพียงแต่ช่วยลด
ผลกระทบต่อ
สิ่งแวดล้อม
แต่ยังฟื้นฟูระบบนิเวศและส่งเสริม
การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับชุมชน
นอกจากนี้ Inclusive Tourism & Accessible Tourism
กลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงการท่องเที่ยวอย่างเท่าเทียม ผ่าน
Diversity & Inclusion (D&I) และ Service Design for Inclusivity
ซึ่งช่วยออกแบบประสบการณ์ที่รองรับนักท่องเที่ยว
ทุกกลุ่ม ไม่ว่า
จะเป็น
ผู้สูงอายุ
ผู้พิการ หรือ
กลุ่มนักท่องเที่ยวเฉพาะทาง

สู่ Soft Power ไทย
(ระยะเวลาการอบรม 2 วัน)
และทำแบบทดสอบท้ายวิชา 10 ข้อ
การสร้าง
อัตลักษณ์ไทย
สู่เวทีโลก”
Soft Power ในการท่องเที่ยว
เป็นกลไกสำคัญ
ในการสร้าง
ความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ผ่านการถ่ายทอด
อัตลักษณ์ไทย (Thainess)
และ
ความแท้จริง (Authenticity)
ของชุมชนท้องถิ่น
การเข้าใจ
ทุนชุมชน 5 ด้าน
ได้แก่ ทุนธรรมชาติ กายภาพ มนุษย์
สังคม การเงิน และ
ทุนวัฒนธรรม
ช่วยให้
การพัฒนา
แหล่งท่องเที่ยว
มีรากฐานที่แข็งแกร่งและเป็นเอกลักษณ์
Soft Power 6F (Food, Festival, Film, Fashion, Fight, Faith)
กลายเป็น
จุดขายสำคัญที่เชื่อมโยง
นักท่องเที่ยวกับวัฒนธรรมไทย
โดยต้องอาศัย กลยุทธ์
Storytelling และการสร้างคุณค่าร่วม (Shared Value) เพื่อต่อยอด Local to Global
ให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถดึงดูดความสนใจจากตลาดสากลได้
นโยบาย OFOS (One Family One Soft Power)
ปี 2567
เป็น
อีกหนึ่งแนวทางที่ช่วย
ผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ขณะเดียวกัน
การพัฒนา
การเล่าเรื่อง
(Storytelling) ผ่านสื่อและ
แพลตฟอร์มดิจิทัล
รวมถึงกิจกรรม
Workshop “Local Soft Power to the World”
จะช่วยให้ชุมชนสามารถ
นำทุนวัฒนธรรม
ไปสร้างโอกาสทางธุรกิจและยกระดับ
การท่องเที่ยวไทย
สู่ระดับโลก

การท่องเที่ยว
อย่างสร้างสรรค์
(ระยะเวลาการอบรม 2 วัน)
และทำแบบทดสอบท้ายวิชา 10 ข้อ
นักเดินทางและกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่”
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังเผชิญกับ
การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและ
รูปแบบ
การเดินทาง
ทำให้ การเข้าใจ
กลุ่มนักท่องเที่ยว
ที่หลากหลาย
เป็นสิ่งสำคัญ
ไม่ว่าจะเป็น FIT
(Free Independent Traveler), MICE (Meetings, Incentives, Conferences,
Exhibitions), Niche Market,
High-Value Travelers, Family
& Multigeneration
แต่ละกลุ่ม
มีความต้องการที่
แตกต่างกัน
ส่งผลต่อการออกแบบสินค้าและบริการ
ที่ตรงใจ
ตลาดการพัฒนา Tourism Products &
Experiences
ที่เชื่อมโยงกับ
อัตลักษณ์พื้นที่
เป็น
กลยุทธ์สำคัญ เช่น Gastronomy Tourism (ท่องเที่ยว
เชิงอาหาร), Agrotourism
(ท่องเที่ยวเชิงเกษตร), Wellness & Medical Tourism (ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ),
Adventure Tourism (ท่องเที่ยวเชิงผจญภัย) และ Faith-Based Tourism
(ท่องเที่ยวตามความเชื่อ)
นอกจากนี้ การตลาดท่องเที่ยวต้อง เชื่อมต่อออนไลน์และออฟไลน์ ผ่าน Digital Strategy,
Content Creation และ Social Media Marketing
เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ
พร้อมวัดผลและ
วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อ
นำมา
ปรับกลยุทธ์ กิจกรรม
Workshop เช่น
การผลิตคอนเทนต์และเทคนิค
ไลฟ์สด
เป็น
อีกหนึ่ง
แนวทางสำคัญ
ในการสร้างแรงดึงดูดและ
เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร

ส่งอัตลักษณ์ไทยสู่สากล
(ระยะเวลาการอบรม 2 วัน)
และทำแบบทดสอบท้ายวิชา 10 ข้อ
นักท่องเที่ยวยุคใหม่
ที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมและ
ความคาดหวัง”
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวปัจจุบันต้องตอบสนอง
ความหลากหลายทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม
ความเชื่อ
และค่านิยม ของนักเดินทาง
จากทั่วโลก
การให้บริการ
ที่เป็นเลิศ
(Service
Excellence)
ไม่ได้หมายถึงแค่
ความสุภาพและ
เอาใจใส่
แต่
ยังรวมถึงการเข้าใจพฤติกรรมการเดินทาง
(Traveler Journey) ตั้งแต่
ก่อน ระหว่าง
และหลังการท่องเที่ยว
เพื่อสร้าง
ประสบการณ์เชิงบวก
(Customer Delight)
ที่นำไปสู่
การบอกต่อ (Word of Mouth)
และ
การกลับมาเที่ยวซ้ำ (Repeat Visit)
Data-Driven Service กลายเป็นหัวใจสำคัญ
ในการวิเคราะห์พฤติกรรม
นักท่องเที่ยว
เพื่อนำไปสู่
การพัฒนา CRM (Customer Relationship Management)
ที่แม่นยำและตรงกับ
ความต้องการ
ผู้ให้บริการยุคใหม่
ต้องมี
จรรยาบรรณและจริยธรรม
ในงานบริการ
ควบคู่กับการเรียนรู้วัฒนธรรมและแนวทาง
Do
& Don’t
ของ
นักท่องเที่ยวจาก
ประเทศต่าง ๆ
ภาษาต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญ
ในการสร้าง
ความเชื่อมั่นและความประทับใจ
ขณะที่ Workshop
ฝึกปฏิบัติผ่าน Role Play
จะช่วยให้
ผู้ให้บริการได้
ทดลองสถานการณ์จริง
เสริมสร้าง
Soft Power ใน
งานบริการ
และสะท้อน
อัตลักษณ์ท้องถิ่นให้เป็นที่จดจำ
